สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการโรงรับจำนำเอกชน ภายใต้ชื่อ "อีซี่มันนี่" อธิบายว่า ธุรกิจโรงรับจำนำสามารถเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดเศรษฐกิจไทยได้ระดับหนึ่ง เพราะธุรกิจโรงรับจำนำมีโอกาสสัมผัส พูดคุยกับประชาชน ผู้ใช้บริการโดยตรง
โรงรับจำนำจะประเมินทิศทางเศรษฐกิจได้ จากจำนวน "ทรัพย์หลุด" หรือ สินทรัพย์ที่หลุดจำนำ หากมีตัวเลขในระดับสูงจะสะท้อนถึงความซบเซาของเศรษฐกิจในปีนั้นๆ เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีความสามารถในการหาเงินเพื่อไถ่ถอนทรัพย์ หรือต่อดอกเบี้ยทรัพย์สินที่นำมาจำนำไว้กลับคืนไป
โดยในปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่ามีทัพย์หลุดจำนำเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 2561 สะท้อนว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะทรงตัว และในปี 2563 นี้ก็คาดว่าจะยังอยู่ในภาวะทรงตัวเช่นเดียวกัน
สำหรับทรัพย์ที่นิยมจำมาจำนำพบว่า ส่วนใหญ่เป็นทองคำ 70-80% รองลงมาคือ เพชร นาฬิกา ของแบรนด์เนม และอุปกรณ์ไอที ขณะที่ลูกค้าธุรกิจโรงรับจำนำจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ลูกค้าที่ต้องการเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งคนทั่วไป และพนักงานเงินเดือน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 75% เฉลี่ยนวงเงินอยุ่ที่รายละ 20,000บาท และอีกกลุ่มคือผู้ที่ต้องการนำเงินไปต่อยอดให้ธุรกิจ หรือกลุ่ม SME, Start up มีสัดส่วนอยู่ที่ 25% คิดเป็นวงเงินเฉลี่ยรายละ 100,000 บาท
ทั้งนี้ พบว่าประชาชนให้ความไว้วางใจในการใช้บริการโรงรับจำนำเพิ่มขึ้น ธุรกิจโรงรับจำนำเปรียบเหมือนน้ำมันหล่อลื่นในระบบเศรษฐกิจ ช่วยด้านสภาพคล่องในระยะสั้น ดังนั้นธุรกิจโรงรับจำนำที่ต้องแข่งขันด้านคุณภาพการให้บริการ มากกว่าแข่งกันเรื่องราคา ซึ่งหัวใจหลักของการให้บริการคือมาตรฐานความปลอดภัย การเก็บรักษาทรัพย์ที่ประณีต สะดวก รวกเร็ว ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้